Shared
ช่วงนี้หน้าฝน หลายๆคนก็หมั่นตรวจตราสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานเสมอๆ และสิ่งหนึ่งที่มักโดนตรวจสอบเป็นอันดับแรกๆก็คือยางรถยนต์ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง เป็นคำถามที่หลายๆคนมักถาม
คนไทยมักเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับเรื่องยางรถยนต์ว่าควรต้องเปลี่ยนเมื่อถึงระยะ 3 ปีบ้าง 50,000กิโลบ้าง ตามคำที่ร้านยางหรือคำบอกเล่าของผู้รู้จักได้บอกมา ความจริงแล้วยางไม่ได้มีอายุแค่นั้นนะครับ เพราะบริษัทยางต่างๆและผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาบอกกันทุกค่าย ว่าจริงๆแล้วยางที่เราใส่อยู่สามารถใช้ได้จนสึกถึงสัญลักษณ์ที่อยู่ในร่องยาง หรือบางคนเรียกว่าสะพานยาง
สะพานยาง หรือ tread wear indicator
โดยถ้าสึกจนหาไม่เจอ หรือไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ให้มองหาสามเหลี่ยมตัวนี้ครับจะอยู่ตรงกับสพานยางพอดี
แม้ว่าบริษัทยางจะอยากขายยางสักแค่ไหน แต่เท่าที่ลองค้นข้อมูลดูแล้วก็ไม่มีบริษัทไหนบอกให้เปลี่ยนยางตามระยะสักนิด ตามหน้าเว็บของบริษัทยางใหญ่กลับมีแค่คำแนะนำเหล่านี้ให้ผู้ใช้เท่านั้น บางคนคิดว่ากลัวดอกยางสึกหายไปกลัวจะเกาะถนนไม่เหมือนเดิม คือความเป็นจริงยางที่มีหน้าสัมผัสถนนเยอะยิ่งเกาะถนนดี ยางที่สึกสึกไปสักประมาณนึงยิ่งเกาะถนนดีนะครับ เพราะหน้าสัมผัสพื้นเยอะขึ้น ส่วนดอกยางเป็นแค่ร่องที่ช่วยรีดน้ำออกจากหน้ายาง ยางโดยทั่วไปจะบากร่องเป็นรูปตัวVครับ ยิ่งสึกลงไปหน้ายางที่สัมผัสพื้นยิ่งเยอะขึ้น แต่ร่องที่รีดน้ำอาจเล็กลงดังนั้น เวลาฝนตกควรขับให้ช้าหน่อยเพราะน้ำที่อยู่บนผิวถนนอาจทำให้ลื่นได้
ไม่ใช่ว่าการเปลี่ยนยางเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ แต่การเปลี่ยนในระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นการทำให้คุณประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว แต่เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับ เราควรตรวจสอบลมยาง และใช้ความเร็วที่เหมาะสม ไม่ขับเร็วเกินไป
แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ยังไงบ้างว่าเมื่อไหร่เราควรเปลี่ยนยาง ก่อนอื่นเราลองดูรอยแตกตามหน้ายาง ความสึก และการบวมหรือผิดรูปครับ หากพบความผิดปรกติดังกล่างแม้ยางยังไม่หมดอายุก็ควรเปลี่ยนครับ
ลองหมั่นสำรวจดูนะครับ ทั้งดูด้วยสายตา หรือเอามือลูปหน้ายางดูก็ได้ครับว่าเป็นคลื่นหรือเป็นลูกบวมขึ้นมาหรือไม่ ถ้าพบอาการผิดปรกติก็ควรจะเปลี่ยนนะครับ เพื่อความปลอดภัย แล้วอย่าลืมตรวจสอบยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะเมื่อเราจำเป็นจะได้ใช้ยางอะไหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ