ผู้เขียน หัวข้อ: การแยกออยเกียร์ E46  (อ่าน 8370 ครั้ง)

Captain Dack Sparrow

  • New Bimmer
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด
การแยกออยเกียร์ E46
« เมื่อ: มกราคม 18, 2017, 10:30:53 pm »

LINE it!

รบกวนขอสอบถามครับว่าการแยกออยเกียร์ของ E46 ที่เห็นนิยมทำกันนั้น เพื่อแก้ปัญหา อะไรครับ มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ของเดิมติดรถทำงานไม่ดีพอหรืออย่างไรกันครับ

BIMMERRUSH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 946
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 18, 2017, 11:36:53 pm »
   ไม่ใช่ไม่ดีพอนะครับแต่ออยเกียร์มันชอบแตกครับ e46 แตกกันบ่อย(ตามอายุครับ ใหม่ๆหรือรถสภาพดีๆก็ไม่ค่อยมีปัญหา แต่พอเริ่มนานแล้วก็มีบ้างครับ) ทำให้น้ำมันเครื่องเข้าไปปนกับน้ำในระบบระบายความร้อน ส่งผลให้ระบายความร้อนไม่ได้ครับ
   จริงๆแล้วที่เค้าทำให้น้ำวนเข้าไปเพื่ออุ่นน้ำมันเกียร์ เพราะเมืองนอกมันหนาวครับ จะได้ทำให้อุณภูมิเหมาะสมในการใช้งาน แต่บ้านเราเมืองร้อนครับ จริงๆมันก็อุณภูมิเกือบได้ตั้งแต่จอดอยู่แล้วครับ ติดเครื่องนิดเดียวก็พร้อมแล้ว แต่ทีนี้การให้น้ำวนเข้าไปในออยเกียร์ยังมีข้อเสียอีกเพราะทำให้ระบบระบายความร้อนเพิ่มภาระไปอีกอย่างนึงครับ
   ทีนี้ปัญหามันก็จะวนเวียนครับ ออยแตกน้ำมันรั่วเข้าไปปนกับน้ำ น้ำรั่วเข้าไปปนกับน้ำมัน น้ำร้อนไปก็ทำให้ออยมีปัญหาไปด้วยครับ
   อย่างที่บอกจริงๆบ้านเราก็อุณภูมิพอได้อยู่แล้วครับ เค้าก็เลยเอาออยเกียร์แยกออกมาระบายความร้อนด้วยลมโดยให้วนไปที่แผงระบายความร้อนหน้าหม้อน้ำที่ทำขึ้นมาใหม่ครับ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ
   ทีนี้ถามว่าจำเป็นต้องทำมั้ย ตอบตรงๆก็คือ แล้วแต่เลยครับ บางคนก็ไม่เคยเจอปัญหานี้เลย บางคนก็เจอบ่อย หรือเคยเจอสักครั้งนึงก็ควรทำเลยครับ เพราะพออะไรมันเก่าขึ้นมันก็เสื่อมโทรมเป็นธรรมดา
   ถ้าทำก็ทำออยเครื่องไปด้วยเลยครับไม่เสียเที่ยว แต่ถ้าเครื่องM52tuจะไม่มีออยเครื่องนะครับ นอกนั้นมีหมด ราคารวมค่าแรงน่าจะกลางๆประมาณ 3 พันกว่าบาทแล้วแต่อู่เลยครับ ลองต่อรองดูครับ เพราะงานดัดแปลงนี่สนนราคาไม่เท่ากัน

Captain Dack Sparrow

  • New Bimmer
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 19, 2017, 12:22:24 am »
แล้วถ้าเราไม่แยกออยเกียร์ เวลาแตกขึ้นมาหรือรั่ว เราใช้วิธีเปลี่ยนออยเกียร์เลย ราคาจะประมาณเท่าไร และอายุการใช้งานนานแค่ไหนครับ
แล้วอาการที่ออยเกียร์หรือออยเครื่องแตกนี่สังเกตุได้จากอะไรบ้างครับ แล้วเราพอจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าออยเกียร์หรือออยเครื่องเราสภาพยังดีอยู่แค่ไหน สมควรที่จะเปลี่ยน หรือว่าแยกออกมาเลยดีมั้ย
แล้วออยเครื่องเค้าก็ออกแบบให้วางอยู่ในระบบน้ำหล่อเย็นเหมือนกันใช่มั้ยครับ ถึงควรที่จะแยกออกมาเหมือนกัน

BIMMERRUSH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 946
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 19, 2017, 01:22:21 am »
  อาการเวลาเจอมันแตกทีนี้ในหม้อน้ำจะเป็นสีน้ำตาลแดงๆครับ ส่วนใหญ่จะเริ่มเจอมันรั่วก่อนครับก็ลองดูว่าสีเหมือนน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ครับถ้ามันรั่วมาก็จะมีน้ำมันบนอยู่ในน้ำนิดๆก็เริ่มต้องไปเช็คแล้วครับ ถ้าถึงกับแตกนี่รู้เลยไม่ต้องสืบนึกว่าชาเย็นใส่นมเลยครับสีน่ากินทีเดียว ส่วนใหญ่น้ำมันเกียร์จะสีนั้น ทีนี้ถ้าจะเปลี่ยน ไอ้ตัวนี้แตกบ่อยแนะนำให้ใช้มือ1ครับอย่าซื้อมือ2 ราคาประมาณ4พันได้มั้งครับ อันนี้ไม่แน่ใจต้องเช็คอีกทีครับ แต่ถ้ารอมันแตกก่อนอาจต้องไล่ระบบน้ำ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่ครับ

  ที่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์นี่เอาชัวร์นะครับว่าไม่มีน้ำไปปน และมันต้องหายอยู่แล้วเพราะมันรั่วออกมาปนกับน้ำ แต่จริงๆแล้วน้ำมันคงไม่ย้อนเข้าไปในเกียร์ครับ เพราะแรงดันน้ำมันเกียร์มันมากกว่าแรงดันน้ำในหม้อน้ำ

  แต่ที่เค้านิยมเปลี่ยนกันก่อนมีเหตุก็เพราะว่าเมื่อมันรั่วออกมา การระบายความร้อนไม่ดีก็ฮีท หรือเมื่อออยเกียร์แตก แรงดันในหม้อน้ำมันเพิ่มขึ้นมันก็ฮีทครับ ทีนี้ก็กลัวเครื่องพังกันอีก ฮีทก็เป็นตัวนำให้ฝาโก่ง หม้อน้ำแตกและอื่นๆอีกครับ หรือแม้แต่มันแค่รั่วนี่มันทำให้เครื่องฮีท รือเครื่องอาจจะฮีทเอง แรงดันน้ำขณะฮีทมันจะสูงมากๆ ถ้าไม่มีอะไรแตกสะก่อนไอ้เจ้าออยเกียร์อาจจะแตกเลยครับ

  จริงๆตามที่เข้าใจตัวแปรสำคัญที่ทำให้มันแตกและรั่วง่ายก็คือแรงในในหม้อน้ำเวลาความร้อนขึ้นนี่แหละครับ เพราะแรงดันมันจะสูงมากซึ่งมีผลกับออยเกียร์ที่เก่าๆ ดังนั้นลองประเมินดูครับ ถ้ารถพี่มีปัญหาเรื่องความร้อนอยู่แล้วก็รีบเปลี่ยนเลย เพราะมันจะยิ่งเร่งให้มีความเสี่ยงออยแตก แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนก็อาจยังไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนครับ

  จริงๆไม่อยากให้กังวลอะไรมาก ถ้ามันแตก เครื่องฮีท เราอย่าฝืนขับต่อครับ จอดนิ่งๆ ก็ไม่น่าลามไปตัวอื่นง่ายๆครับ ไม่ใช่อาการอันตรายอะไรมาก เพียงแค่ว่ามันกวนใจเฉยๆครับ อย่างที่บอกรถที่สมบูรณ์ๆบางคันแทบไม่เคยเจออาการนี้เลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2017, 01:25:58 am โดย BIMMERRUSH »

Captain Dack Sparrow

  • New Bimmer
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 19, 2017, 07:54:37 am »
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล แล้วผมจะคอยสังเกตุอาการรถดูครับ ตอนนี้เข็มความร้อนขณะรถใช้งานก็คงที่อยู่ที่ประมาณ 12 นาฬิกา หรือ 50 % ตลอดครับ

BIMMERRUSH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 946
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 20, 2017, 12:07:39 am »
คอยสังเกตด้วยครับเวลาเติมน้ำว่ามีคราบน้ำมันลอยอยู่รึป่าวครับ ถ้าไม่มีก็ยังสบายใจได้ครับ

BIMMERRUSH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 946
    • ดูรายละเอียด
Re: การแยกออยเกียร์ E46
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 21, 2017, 12:56:04 am »
สรุปอีกทีครับ

วิศวกรเค้าไม่ได้ออกแบบมาไม่ดีนะครับ แต่เค้าทำรถขายทั่วโลกเค้าก็เลยทำเผื่อเอาไว้

ออยเกียร์ และออยเครื่อง หน้าที่ของมันก็คือแลกเปลี่ยนความร้อนกับระบบหล่อเย็น อุ่นน้ำมันให้ร้อนในเมืองหนาว(ซึ่งจุดนี้บ้านเราไม่จำเป็นต้องใช้เท่าไหร่) แล้วก็ระบายความร้อนของน้ำมันเวลาเครื่องร้อน  การแปลงก็คือตัดระบบออกแล้วเอาน้ำมันออกมาวนเพื่อระบายความร้อนด้วยพัดลมตรงแผงที่ีเราแปลงขึ้นมาใหม่แทนครับ ทีนี้ก็จะไม่มีออยให้แตกแล้วครับ

ถามว่าทำไมไม่ออกแบบให้หนา ตอบตรงๆคือถ้าหนาก็ระบายไม่ดีเท่าทีควรมั้งครับ มันก็ควรต้องบางๆเหมือนหม้อน้ำ ซึ่งมันก็ไม่ได้มีผลอะไรเวลาเครื่องสมบูรณ์ๆ แต่มันมักจะรั่วและแตกเวลารถท่านเก่าลงไป

จำเป็นต้องแปลงมั้ย ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินเลยก็ต้องบอกว่าถ้ารถท่านสมบูรณ์ไม่เคยมีปัญหาก็อาจไม่ต้องแปลงครับ แต่ถ้าเคยฮีทบ่อยๆ หรือเริ่มมีอาการรั่ว หรือแม้กระทั่งแตกแล้วทีนี้ค่อยตัดสินใจครับว่าจะแปลงเลยหรือเปลี่ยนออยดีเพราะค่าใช้จ่ายพอกัน แปลงเลยก็ไม่มีตัวให้แตกอีก แต่ถ้าเปลี่ยนก็อาจมีปัญหาเรื่องแตกวนมาอีกรอบครับ ;)